บทที่ 1
บทนำ
ภูมิหลัง
แบบตัดเสื้อผ้า (Pattern) เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของกระบวนการออกแบบและผลิตเสื้อผ้า อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความพอดีของผู้สวมใส่ ดังนั้น แบบตัดที่ดีและมีความสวยงามตรงตามผู้ออกแบบและให้ความพึงพอใจแก่ผู้ที่สวมใส่แล้ว ผู้ที่สร้างแบบตัด จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมากในการสร้างแบบตัด
ในประเทศไทยเริ่มมีการสร้างแบบตัดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา (*อ้างอิงhttp://www.thaipattern.com/) ในยุคนั้นคนไทยรับวัฒนธรรมการแต่งกายจากตะวันตก ทำให้การจับจีบ การมัด แบบโจงกระแบน ถูกลืม และมีการตัดเย็บแบบ เทเลอร์ มาแทนที่
แบบตัดเสื้อผ้าที่เป็นมาตรฐาน หรือ แบบตัดเบื้องต้น ที่เป็นลักษณะ มีวงคอ วงแขน ตะเข็บไหล่ ตะเข็บข้างตัว ฯลฯ ได้ถูกฝังรากลึกลงไปในจิตใจของทุกคน จนลืมไปเลยว่าเสื้อผ้าที่เป็นของคนไทยจริง ๆ ใช้เพียงแบบตัดที่เป็นเพียงสี่เหลี่ยม หรือ จับจีบผ้าแบบโจงกระแบนเท่านั้น
แต่ในทางกลับกัน หากคนไทยยังคงยึดติดกับความเป็นเอกลักษณ์ (ยกตัวอย่าง สไบ หรือ โจงกระแบน) รูปแบบก็จะล้าสมัย และยังไม่เหมาะกับผู้สวมใส่ในปัจจุบัน แสดงให้เกิดความรู้สึก เป็นทางการและมีอายุ ใช้ได้เฉพาะโอกาศพิเศษ เท่านั้น
จากการศึกษา นักออกแบบและผู้ผลิตเสื้อผ้าส่วนใหญ่ สรุปตรงกันว่า แทบทุกสถาบันทั่วโลก การเรียนการสอนแบบตัดเย็บแบบตัด แบบตัดเสื้อจะมีลักษณะที่อออกมาคล้าย ๆ กันหมดทุกที่ นั้นคือแบบมาตรฐาน หรือที่เรียกว่า แบบตัดเบื้องต้น(Basic Pattern) ที่มีลักษณะมีวงคอ วงแขน ตะเข็บไหล่ ตะเข็บข้างตัว ฯลฯ จนทำให้ผู้ออกแบบและผู้ผลิตเสื้อผ้าทุกคนฝังใจ ว่าแบบตัดเสื้อเบื้องต้น ต้องเป็นลักษณะแบบนี้เท่านั้น
จากเหตุผลข้างต้นจึงเกิดโครงการ พัฒนารูปแบบตัด(Basic)ในรูปแบบใหม่ โดยมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบแบบตัดเสื้อ ในแบบตัดเบื้องต้น (Basic) ให้เป็นรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอรูปแบบแบบตัด (แบบตัดเบื้องต้น) ให้ออกมาต่างจากเดิม ให้เกิดเส้นตัดต่อตะเข็บในรูปแบบใหม่
ในโครงการพัฒนารูปแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ จะช่วยลดจำนวนชิ้นแบบตัดลง ช่วยในการลดกระบวนการผลิต(เย็บ)ลดลง โดยนำเสนอเป็น collection ในรูปแบบ Ready to wear
บทนำ
ภูมิหลัง
แบบตัดเสื้อผ้า (Pattern) เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของกระบวนการออกแบบและผลิตเสื้อผ้า อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความพอดีของผู้สวมใส่ ดังนั้น แบบตัดที่ดีและมีความสวยงามตรงตามผู้ออกแบบและให้ความพึงพอใจแก่ผู้ที่สวมใส่แล้ว ผู้ที่สร้างแบบตัด จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมากในการสร้างแบบตัด
ในประเทศไทยเริ่มมีการสร้างแบบตัดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา (*อ้างอิงhttp://www.thaipattern.com/) ในยุคนั้นคนไทยรับวัฒนธรรมการแต่งกายจากตะวันตก ทำให้การจับจีบ การมัด แบบโจงกระแบน ถูกลืม และมีการตัดเย็บแบบ เทเลอร์ มาแทนที่
แบบตัดเสื้อผ้าที่เป็นมาตรฐาน หรือ แบบตัดเบื้องต้น ที่เป็นลักษณะ มีวงคอ วงแขน ตะเข็บไหล่ ตะเข็บข้างตัว ฯลฯ ได้ถูกฝังรากลึกลงไปในจิตใจของทุกคน จนลืมไปเลยว่าเสื้อผ้าที่เป็นของคนไทยจริง ๆ ใช้เพียงแบบตัดที่เป็นเพียงสี่เหลี่ยม หรือ จับจีบผ้าแบบโจงกระแบนเท่านั้น
แต่ในทางกลับกัน หากคนไทยยังคงยึดติดกับความเป็นเอกลักษณ์ (ยกตัวอย่าง สไบ หรือ โจงกระแบน) รูปแบบก็จะล้าสมัย และยังไม่เหมาะกับผู้สวมใส่ในปัจจุบัน แสดงให้เกิดความรู้สึก เป็นทางการและมีอายุ ใช้ได้เฉพาะโอกาศพิเศษ เท่านั้น
จากการศึกษา นักออกแบบและผู้ผลิตเสื้อผ้าส่วนใหญ่ สรุปตรงกันว่า แทบทุกสถาบันทั่วโลก การเรียนการสอนแบบตัดเย็บแบบตัด แบบตัดเสื้อจะมีลักษณะที่อออกมาคล้าย ๆ กันหมดทุกที่ นั้นคือแบบมาตรฐาน หรือที่เรียกว่า แบบตัดเบื้องต้น(Basic Pattern) ที่มีลักษณะมีวงคอ วงแขน ตะเข็บไหล่ ตะเข็บข้างตัว ฯลฯ จนทำให้ผู้ออกแบบและผู้ผลิตเสื้อผ้าทุกคนฝังใจ ว่าแบบตัดเสื้อเบื้องต้น ต้องเป็นลักษณะแบบนี้เท่านั้น
จากเหตุผลข้างต้นจึงเกิดโครงการ พัฒนารูปแบบตัด(Basic)ในรูปแบบใหม่ โดยมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบแบบตัดเสื้อ ในแบบตัดเบื้องต้น (Basic) ให้เป็นรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอรูปแบบแบบตัด (แบบตัดเบื้องต้น) ให้ออกมาต่างจากเดิม ให้เกิดเส้นตัดต่อตะเข็บในรูปแบบใหม่
ในโครงการพัฒนารูปแบบเสื้อผ้าแบบใหม่ จะช่วยลดจำนวนชิ้นแบบตัดลง ช่วยในการลดกระบวนการผลิต(เย็บ)ลดลง โดยนำเสนอเป็น collection ในรูปแบบ Ready to wear
นี่คือสเก็ตวิชาซีเนี่ยตอนปี3ในคอนเซ็บท์จากสถาปัตยฯแห่งหนึ่ง(ขอไม่บอก)โดยใช้เทคนิคการซ้อนทับเป็นจุดเด่นของคอลเล็กชั่น และยังดึงมาทำ1ชุดในงาน Bkk Fashion week2008 ด้วย
คลิปงานปาร์ตี้แต้งค์พี่2009ชั้นและเพื่อนชั้นโชว์ในเพลง"Ego - Beyonce'" สุดฤทธิ์